This Thai hardcore band, Carry On, delivers a compelling EP with Impermanence, which exudes a dark and gritty atmosphere. With its blend of hardcore and metal influences, the EP maintains a sense of overall consistency while embracing a slick, intense sound.

The drumming on this EP hits hard, with particular emphasis on the punchy kick drum, most notably in tracks like "Existence" and "Self-Control." The drumming style alternates between straightforward rhythms and more groovy patterns, creating a strong foundation for the band. It’s a vital part of what carries the band's energy throughout the EP.

The guitar riffs are another standout feature—dark, sharp, and sinister in tone. Tracks like "Fortitude" and "Liberation" shine with their punchy, clean riffs that drive the overall style of the EP. However, by the time you reach "Embrace," some of the riffs start to feel a bit repetitive and similar to earlier tracks, which slightly dulls the impact of the song.

The bass provides a solid backbone, though it remains fairly simple throughout. It’s effective in laying down a steady groove, particularly noticeable when things drop out in tracks like "Existence." While the bass doesn’t take center stage, it does its job well without being flashy, which suits the style of the band.

The production quality is excellent across the board. Everything is mixed cleanly, and no instrument or element feels buried or out of place. Each sound is clear and balanced, which gives the music the necessary punch it requires.

One of the more notable aspects of Impermanence is the variation in vocal styles. While the vocals often work well with the music, there's some inconsistency in their delivery, with shifts in style between tracks. Sometimes the vocals blend seamlessly into the atmosphere, while other times they feel a little out of place or disconnected from the instrumentation.

"Fortitude" opens with a dark, metalcore-inspired intro that sets the tone for the rest of the song. The riffs are dense and hard-hitting, with a deep, solid drum presence. The bass adds weight, and the vocals, while lighter than the rest of the instruments, are solid. Drums effortlessly shift between simple and more complex rhythms, and the groovy breakdown provides a nice bouncy shift. The pacing and flow of the song are straightforward, making for an engaging listen.

"Existence" features sharp, crisp guitar riffs that cut through the mix, and the kick drum is particularly prominent here. The vocals take on a lower register that meshes well with the music, adding to the overall heaviness of the track. The bass stays simple but effective, especially towards the end, where it drops out and lets the drums take over.

There’s a smooth transition from "Existence" into "Liberation," which feels slightly more punk-influenced than the previous tracks. The production remains clean, allowing every instrument to be heard clearly. Vocally, there’s an odd quality to the backing vocals, though they don’t detract too much from the overall track. The riffs are sharp and solid, while a subtle, trashy guitar solo sneaks in, blending nicely into the track’s flow. The breakdown is a little generic but still executed well.

"Self-Control" starts with groovy, syncopated kick drums that drive the rhythm forward. While the riffs are solid, they don’t stand out as much compared to the earlier songs—there’s a sense of familiarity here. The drums keep things fresh with cymbal work and dynamic changes, and a mid-song breakdown offers a shift in energy. The track ends with a slow, punishing breakdown, which is a high point for the song.

"Embrace" brings decent riffs, but they don’t bring anything new to the table. By this point, the song feels a bit too similar to earlier tracks, which makes it less engaging. The drums are still solid, though not as dynamic as they were in the earlier tracks. Overall, "Embrace" doesn’t stick out as much as the other songs, feeling somewhat like a filler compared to the stronger material earlier on in the EP.

In conclusion, Impermanence is a strong and cohesive effort, marked by solid drumming, gritty riffs, and powerful production. While there are some moments of repetitiveness and vocal inconsistencies, the overall experience is one of dark, hard-hitting hardcore and metal with a slick edge. The EP is a great listen for fans of the genre, even if a few of the tracks start to blend together towards the end.

วงดนตรีฮาร์ดคอร์จากไทย Carry On ได้นำเสนอ EP ที่น่าประทับใจชื่อ Impermanence ซึ่งมีบรรยากาศที่มืดและขมขื่น ด้วยการผสมผสานระหว่างฮาร์ดคอร์และเมทัลที่มีสไตล์ลื่นไหล EP นี้รักษาความสอดคล้องและเอกลักษณ์ของมันได้ดีในขณะที่ยังคงเสียงที่เข้มข้นและหนักหน่วง

การตีกลองใน EP นี้โดดเด่นและมีพลัง โดยเฉพาะการใช้ลูกแบสที่หนักแน่นในเพลง "Existence" และ "Self-Control" สไตล์การตีกลองของวงสลับไปมาระหว่างจังหวะที่ตรงไปตรงมาและจังหวะที่มีความ groove ซึ่งสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้กับวงและเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพลังของเพลง

ริฟฟ์กีต้าร์เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ EP นี้ ซึ่งมีความมืดและคมชัดในเสียง โดยเฉพาะในเพลงอย่าง "Fortitude" และ "Liberation" ที่มีริฟฟ์ที่แข็งแกร่งและสะอาดซึ่งขับเคลื่อนสไตล์ของ EP อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเพลง "Embrace" ริฟฟ์ในเพลงนั้นเริ่มรู้สึกซ้ำซากและคล้ายคลึงกับเพลงก่อนหน้า ทำให้ความรู้สึกของเพลงนั้นลดลง

เบสใน EP นี้ยังคงความเรียบง่ายและทำหน้าที่ได้ดีในการสร้างความรู้สึกที่มั่นคงตลอดทั้ง EP โดยเฉพาะเมื่อเพลงมีการลดความดังลง เช่นในเพลง "Existence" เบสไม่เด่นมากนักแต่ก็ทำให้เพลงมีจังหวะที่ดี

การผลิตใน EP นี้ดีเยี่ยมทุกประการ ทุกอย่างถูกผสมเสียงอย่างชัดเจน ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงที่ฟังไม่ชัดหรือการมิกซ์ที่ไม่ดี ทำให้ทุกเสียงมีความคมชัดและบาลานซ์ ซึ่งช่วยให้เพลงมีพลังที่ต้องการ

หนึ่งในจุดที่น่าสังเกตใน Impermanence คือความหลากหลายในการใช้สไตล์การร้อง แม้ว่าบางครั้งการร้องจะเข้ากับเพลงได้ดี แต่ก็มีบางเพลงที่การร้องมีความไม่สอดคล้องหรือไม่เข้ากับเครื่องดนตรีเท่าที่ควร ซึ่งสร้างความไม่เสถียรในสไตล์การร้องในบางเพลง

"Fortitude" เปิดตัวด้วยอินโทรที่มืดและให้ความรู้สึกของเมทัลคอร์ซึ่งตั้งเสียงของเพลงไว้ตั้งแต่แรก ริฟฟ์ของกีต้าร์หนักหน่วงและแข็งแกร่ง มีเสียงตีกลองที่ลึกและแข็งแรง เบสเพิ่มความหนักให้กับเพลง และเสียงร้องถึงแม้จะเบากว่าเครื่องดนตรีแต่ยังคงความแข็งแกร่งไว้ได้ การตีกลองผสมผสานระหว่างจังหวะที่ง่ายและซับซ้อน และการเบรกดาวน์ที่มีความ groove ช่วยให้เพลงนี้มีความสนุกในการฟัง

"Existence" มีริฟฟ์กีต้าร์ที่คมชัด และเสียงลูกแบสที่เด่นชัดในเพลงนี้ เสียงร้องในเพลงนี้มีความต่ำและเข้ากับเพลงได้ดี โดยเพิ่มความหนักให้กับเนื้อเพลง ริฟฟ์ของกีต้าร์ยังคงเรียบง่ายแต่คมชัด เบสเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเล่นมากเกินไป โดยเฉพาะตอนท้ายที่เบสลดเสียงลงและปล่อยให้การตีกลองเป็นตัวนำเพลง

การเปลี่ยนเพลงไปยัง "Liberation" เป็นไปอย่างราบรื่น และเพลงนี้มีความรู้สึกที่มีอิทธิพลจากพังก์มากกว่าเมทัล การผลิตยังคงดีเยี่ยม ทำให้เครื่องดนตรีทุกชิ้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน เสียงร้องมีความแปลกในบางช่วง ซึ่งอาจจะเป็นเสียงร้องรองที่ฟังไม่ค่อยเข้ากับเสียงร้องหลัก ริฟฟ์ของกีต้าร์คงความแข็งแกร่ง และยังมีโซโล่กีต้าร์ที่มีความหยาบๆ เข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว การเบรกดาวน์มีความง่ายๆ แต่ก็ทำออกมาได้ดี

"Self-Control" เริ่มต้นด้วยการตีกลองที่มีความ groove และซิงโคพาเตดที่ดี ทำให้เพลงมีจังหวะที่น่าสนใจ ริฟฟ์ของกีต้าร์ดีแต่ไม่ได้มีอะไรใหม่เมื่อเทียบกับเพลงก่อนๆ ซึ่งทำให้รู้สึกคุ้นเคยเกินไป การตีกลองช่วยให้เพลงนี้สดชื่นด้วยการใช้เสียงฉาบและการเปลี่ยนแปลงในจังหวะ การเบรกดาวน์กลางเพลงมีความแตกต่างเล็กน้อย และเพลงจบลงด้วยการเบรกดาวน์ที่ช้าและหนักหน่วง ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเพลง

"Embrace" มีริฟฟ์ที่โอเคแต่ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เมื่อถึงจุดนี้ เพลงดูเหมือนจะเริ่มซ้ำซากและไม่ได้น่าสนใจเท่ากับเพลงอื่นๆ เสียงตีกลองยังดีแต่ไม่ค่อยมีความหลากหลายเท่าไหร่ เพลงนี้จึงไม่โดดเด่นเท่าเพลงอื่นๆ ที่มีพลังมากกว่าใน EP นี้

โดยรวม Impermanence เป็นงานที่แข็งแกร่งและมีความสอดคล้อง โดยมีการตีกลองที่ดี ริฟฟ์ที่หนักหน่วง และการผลิตที่มีคุณภาพสูง แม้ว่าจะมีช่วงที่รู้สึกซ้ำซากและการร้องบางช่วงมีความไม่สอดคล้อง แต่ประสบการณ์โดยรวมยังคงเป็นฮาร์ดคอร์และเมทัลที่มืดและหนักหน่วง มีความลื่นไหล EP นี้ถือเป็นงานที่ดีสำหรับแฟนๆ ของแนวเพลงนี้ แม้บางเพลงอาจจะเริ่มรู้สึกคล้ายกันไปบ้างเมื่อถึงตอนท้าย